On Top

ตำนานเหล็กไหล



ธาตุศักดิ์สิทธิที่เราเรียกกันว่า “เหล็กไหล” นี้ พอจะแบ่งแยกได้เป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ด้วยกัน

1. ธรรมธาตุ
กำเนิดของเหล็กไหลประเภทนี้ เกิดจากจิตของเทพพรหมในอดีตอันไกลโพ้น ซึ่งเป็น “อรูปพรหม” ที่ปรารถนาจะมาช่วยรักษาพระพุทธศาสนา จึงได้ลงมาบำเพ็ญฌาณในมนุษย์โลก ได้เข้ามาสัมผัสเข้ากับกลิ่นอันโอชะของง้วนดิน ที่เป็นธาตุ บริสุทธิ์มาแต่เดิม แล้วเกิดติดใจในความโอชาของง้วนดินเข้า เมื่อเสพแล้วก็เลยหาที่พักพิงอาศัยอยู่ ตามเงื้อมเขา ตามถ้ำอันสงบ เป็นอยู่อย่างนั้นตามสภาพของจิต ล้านปีบ้าง แสนปีบ้าง หมื่นปีบ้าง ร้อยปีบ้าง หนึ่งปีบ้าง

เมื่ออัธยาศรัยของจิตเริ่มเกาะรูปธรรม จึงได้เนรมิตรธาตุบริสุทธิ อันประกอบด้วย ธาตุทั้ง 4 อันได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ด้วยการเนรมิตรเอาด้วยกำลังแห่งฤทธิ์ขึ้นมาประกอบเป็นเรือนกาย ฝังตัวอยู่ในก้อนธาตุเหล่านั้น อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ เป็นเพศผู้ก็มี เพศเมียก็มี อยู่โดดเดี่ยวก็มี เป็นคู่ก็มี เป็นกลุ่มก็มี มีรังอาศัยอยู่ก็มี ที่ไม่มีรังอาศัยอยู่ก็มี โดยปกติแล้วปีหนึ่ง ๆ ประมาณเดือน 5 ธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้จะออกหาเสพง้วนดิน



แต่ในสมัยปัจจุบันโลกมนุษย์ของเรา ผิวพื้นโลกไม่มีความสะอาดเพียงพอ จึงไม่มีง้วนดินอยู่ ธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้จึงต้องอาศัย เสพน้ำผึ้งแทนเฉพาะในเวลากลางคืนโดยอาศัยป่าเขาต่าง ๆ ซึ่งบางคนอาจจะเคยพบเห็น

ลักษณะการเคลื่อนที่ของธาตุกายสิทธิ์เหล่านี้ จะปรากฏเป็นดวงกลมใหญ่ เล็ก ลอยออกจากหน้าผาหรือถ้ำ ออกไปจับรังผึ้งตามต้นไม้ บางดวงก็ลอยหายไปในโพรงไม้เพื่อกินน้ำผึ้งโพรง บางดวงก็ลอยหายไปใต้พื้นดินเพื่อกินน้ำหวานของแมงขี้สูตร




ถ้าผู้พบเห็นมีความสามารถพิเศษ ก็สามารถเชิญเขามาสนทนาได้เช่นกัน แต่ถ้าต้องการที่จะครอบครองของสิ่งนี้ ต้องมีวาสนาบารมีสั่งสมร่วมกันมาตั้งแต่อดีต หรือมิเช่นนั้นก็ต้องเป็นผู้มีศีลธรรม จิตใจเป็นบุญเป็นกุศล ถึงพร้อมพรหมวิหารธรรม เจตนาเป็นกุศลจิต ก็อาจทำพิธีอัญเชิญท่านให้ปรากฏตนออกมา เพื่อสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ทรงคุณธรรมทั้งฝ่ายฆราวาสและบรรพชิตที่ประสงค์จะช่วยกันสืบพระศาสนาขององค์พระศรีศากยมุณี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกันมาแต่อดีตชาติ แล้วได้จุติลงมาเป็นมนุษย์ เทพพรหมเหล่านี้มุ่งการบำเพ็ญบารมีทำความเพียรจนเข้าถึงอริยสัจจธรรม เพื่อที่จะได้น้อมนำชีวิตอุทิศตนเอง ถวายเป็นพุทธบูชาเสริมสร้างบารมีของตน จนเข้าสู่มรรคผลนิพพาน ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้า และจรรโลงกอบกู้อุปถัมภ์ค้ำชู พระพุทธศาสนาที่เป็นฝ่ายสัมมาทิฐิ ที่ปฏิบัติถูกต้องตามความเป็นจริงแห่งธรรม

ดังนั้นฤทธิ์อำนาจของเหล็กไหลชนิดนี้จะสูงกว่าธาตุกายสิทธิ์ทุกประเภท สามารถทำปฏิกิริยาต่อเชื้อปะทุทุกชนิดและศาสตราวุธต่าง ๆ ให้หมดอานุภาพได้ เมื่อเทพนั้นมีความประสงค์จะแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ดู หรือเพื่อคุ้มครองรักษาเจ้าของเหล็กไหลนั้น คือจะแสดงฤทธิ์ก็ต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น



นอกจากนี้ยังล่องหนหายตัวได้เมื่อต้องการ โดยการสลายรูปธาตุทั้งสี่ให้เป็นอรูปธาตุ (วิญญาณธาตุ) แล้วประกอบขึ้นใหม่ได้ และเมื่อยังไม่ประกอบรูปธาตุก็จะยังไม่กินน้ำผึ้ง ต่อเมื่อประกอบธาตุแล้วจึงจะกินน้ำผึ้ง และต้องเป็นน้ำผึ้งที่บริสุทธิ์อีกด้วย

ลักษณะพรรณสัณฐานของเหล็กไหลประเภทนี้มีหลายรูปแบบ เช่น รูปไข่ กลมรี ครึ่งซีก ทรงกลม หนำเลี๊ยบ รักบี้ เป็นต้น เพราะมองดูเผินจะมองไม่ออกเลยว่าเป็นเหล็กไหล เพราะเหมือนก้อนหิน ก้อนกรวดธรรมดา ธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหล ที่เป็นธรรมธาตุนี้ แต่ละองค์จะมีนามของตนเองโดยเฉพาะ จะต้องสอบถามนามของท่านเอาเอง

ยุคสมัยปัจจุบันมีผู้ตั้งค่านิยมของ ธาตุกายสิทธิ์ ไว้สูงมาก จนเกิดการทุ่มเทติดตามหาวัตถุธาตุกายสิทธิ์นี้อย่างจริงจัง จนหลายคนหมดเงินหมดทองไปเป็นจำนวนมาก แต่มีน้อยรายที่จะพบกับความสำเร็จ เพราะขาดความรู้ความเข้าใจ ความเป็นมาของธาตุวิเศษเหล่านี้ รวมทั้งขาดบุญวาสนาอีกด้วย พึงตระหนักอยู่เสมอว่า สิ่งใดมีคุณอนันต์ ก็ย่อมเกิดโทษอันมหันต์ได้เช่นกัน

2. ธาตุสำเร็จ เหล็กไหลชนิดนี้เป็น “รูปธาตุ” มีแต่เพียงจิตครอง ไม่มีวิญญาณครอง เกิดจากฤทธิ์อำนาจของเทพระดับต่ำลงมาในระดับ “รูปพรหม” โดยเมื่อครั้งในอดีตได้เคยบำเพ็ญตบะเป็นฤาษีชีไพรจนสำเร็จรูปฌาณ แต่ด้วยบุพกรรมและความปรารถนาบางอย่าง จึงได้ลงมาสู่โลกมนุษย์ในลักษณะเป็นก้อนธาตุสำเร็จ รูปทรงต่าง ๆ กัน ที่เป็นเหมือนโลหะธาตุก็มี เหมือนแก้วใสก็มี สถานที่ อยู่ของเหล็กไหลประเภทนี้ มักจะอยู่ภายในถ้ำที่มีความสะอาด เย็น หรือชื้นแฉะ ธาตุเหล็กไหลประเภทนี้ไม่สามารถล่องลอยไปหาน้ำผึ้งกินเองได้ จะต้องอาศัยวัตถุธาตุที่เป็นสื่อเป็นสะพานนำไป โดยการไหลไปตามพื้นดิน ผนังถ้ำ หรือ หน้าผา

หากสถานที่นั้นไม่มีผึ้งทำรังอยู่ นานวันเข้าเหล็กไหลก็จะเคลื่อนย้ายเปลี่ยนที่ อยู่ใหม่ต่อไปเรื่อย ๆ บางครั้งก็จะมีการขับถ่ายของเสียออกมา ซึ่งเรียกกันว่า “ขี้เหล็กไหล” เมื่อถ่ายมูลเสร็จจะกลับเข้ารังต่อไป

สำหรับเหล็กไหลประเภทนี้มีฤทธิ์อำนาจใกล้เคียงกับธาตุกายสิทธิ์ประเภทแรก เพราะเป็นการประกอบธาตุให้ถูกส่วนของผู้มีวิชาแก่กล้าทางโลกียฌาณ คือ ฤาษี ชีไพร คนธรรพ์ วิทยาธร เป็นต้น แต่ไม่สามารถคุ้มครองตัวเองได้ เพราะถ้าเจอะผู้มีวิชาอาคมที่ แก่กล้า จะถูกทำลายหรือแย่งชิงได้ง่าย เนื่องจากมีเพียงวิญญาณธาตุ คือ พลังงานอย่างเดียว
ดังนั้นผู้มีเหล็กไหลประเภทนี้อยู่ มักจะไม่เปิดเผย เพราะเกรงผู้มีวิชาเรียกเอาได้ ลักษณะของเหล็กไหลประเภทนี้มักจะพบเห็นบ่อยครั้ง มีชื่อเรียกหาแตกต่างกันไปตามความคิดความเข้าใจและคุณสมบัติที่พบเห็น บางครั้งต้องทำพิธีพลีกรรมตัดเอา แต่ สำหรับผู้ทรงฌาณระดับสูงแล้ว เพียงแต่ทำการอัญเชิญท่าน ก็จะเสด็จมาอยู่ด้วยโดยไม่ ต้องมีพิธีกรรมที่ยุ่งยากแต่อย่างใด
อาณาจักรของเหล็กไหล



เนื่องจากเหล็กไหลประกอบไปด้วยธาตุเหล็กเป็นสำคัญ จึงต้องการสิ่งที่มีความแข็งแกร่งพอสมควรที่จะเข้าไปยึดเกาะเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างอาณาจักรหรือรังขึ้นมา เฉกเช่นสัตว์โลกทั่วไปที่ จำเป็นต้องมีที่อยู่อาศัย เพื่อขยายเผ่าพันธ์มีลูกมีหลานสืบต่อไปในภายภาคหน้า

ดังนั้นโครงสร้างของอาณาจักรส่วนใหญ่จึงยึดเอาสิ่งที่มีธาตุเหล็กเป็นหลัก เพราะจะได้อาศัยการกินธาตุเหล็กเป็นอาหาร เพื่อเป็นการตั้งธาตุและปรับธาตุของตนเองให้เกิดความสมดุลย์ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากธาตุเหล็กเป็นธาตุดังเดิมที่มีอยู่ในพื้นภิภพและพื้นผิวโลกมาตั้งแต่การกำเนิดของโลกก็ว่าได้

ธาตุเหล็กจึงมีโอกาสดึงดูดและสะสมพลังงานต่าง ๆ ที่มีอำนาจมาไว้ในตนเองค่อนข้างมากและเป็นเวลานาน ทำให้เหล็กไหลมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มพูนขึ้น และเมื่อมีการกินธาตุเหล็กเข้าไปมาก ก็ย่อมมีการขับถ่ายของเสียออกมาหรือของเหลือออกมา กลายเป็น “ขี้เหล็กไหล” ซึ่งมีลักษณะเหมือนเหล็กที่ผุตัวลงไป ไม่มีความแข็งแกร่งเหมือนกับตัวเหล็กไหล หรือ โคตรเหล็กไหล



แต่เหล็กไหลบางประเภทที่อาจจะมีผิวพรรณวรรณะไปทาง ธาตุกายสิทธิ์ คล้ายแก้วหรือหินย่อมจะสร้างรังหรืออาณาจักรที่แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่จะเป็นเทพผู้รักษาในระดับชั้นพรหมที่ละเว้นจากเรื่องกาม เช่น มหาฤาษีผู้เพ่งฌาณสร้างธาตุกายสิทธิ์ หรือ กลั่นกรองธาตุเหล่านั้นจนใสเป็นแก้วแตกต่างกันไปตามบารมี ชอบจะอาศัยอยู่ในโพรงหินที่เป็นแก้วสีที่แตกต่างกันออกไป หากดูภายนอกจะไม่ทราบเลยว่า ภายในก้อนหินเหล่านั้นจะมีธาตุกายสิทธิ์เหล็กไหลซ่อนอยู่ภายใน



////////////////////////////////////////////////
รังของเหล็กไหล



ความหมายของ “รังเหล็กไหล” ย่อมหมายถึงลักษณะของถิ่นที่อยู่หรือโครงสร้างที่อยู่อาศัยนั้นเอง เหล็กไหลบางประเภทที่จำเป็นต้องสร้างอาณาจักรนั้น ลักษณะของรัง จะเหมือนรังผึ้ง้ มีท่อ มีรู เชื่อมโยงอยู่ภายใน เหมือนเป็นเส้นทางเชื่อมโยงติดต่อซึ่งกันและกัน โดยมีการแบ่งสัดส่วนเป็นห้องเป็นหับ เหมือนสัตว์โลกทั่วไป เพื่อใช้เป็นห้องพักของตนเอง ห้องพักของตัวอ่อน ลูก ๆ ที่เกิดขึ้นก็จะฟักตัวเองอยู่ในโพรง หลายตัวต่อโพรงก็มี

รังของเหล็กไหลเหล่านี้มักจะอยู่ภายในถ้ำคูหาต่าง ๆ พ่อแม่ก็อาจจะแสวงหาอาหารจากแร่ ธาตุและธาตุอื่น ๆ ที่มีฤทธิ์อำนาจและพลังบารมีสูง เพื่อให้ตัวอ่อนมีความแก่กล้าและแข็งแรงเติบใหญ่ขึ้น พร้อมกับเรียนรู้สภาวะต่าง ๆ ไปพร้อมกัน

จากตัวเล็กขนาดเท่าปลายเข็ม ก็ขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงขนาดไข่ปลาดุก ไข่กบ เม็ดถั่วเขียว เม็ดถั่วลิสง เชื่อกันว่าเม็ดเหล็กไหลขนาดเล็กเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีฤทธือำนาจมากขึ้นเท่านั้น เพราะหากมีเหตุเภทภัยอันใดจะมาถึงตัว ก็จะใช้ฤทธิ์ทั้งหมดในทีเดียว





ดังนั้นจึงเป็นที่เชื่อถือในหมู่ผู้ปฏิบัติจนได้ถึง เจโตรปริยญาณว่า ตัวเหล็กไหลที่แท้จริงนั้น ก็ คือตัวลูก ๆ ที่ยังเล็ก ๆ อยู่ หรือเพิ่งเป็นอิสระหลุดตัวเองออกมาจากญาณพ่อญาณแม่ของมัน


เหล็กไหลบางประเภท ก็จะมีสิ่งปกป้องคุ้มครองจากเหล่ายักษ์ คนธรรพ์ นาค วิทยาธร ให้ความอารักขา เนรมิตสิ่งบดบังคุ้มครองหรือปกปิดให้ เช่น “แก้วขนเหล็ก” ที่เป็นเหมือนขนโลหะที่มี ความคมและแข็งห่อหุ้ม เหล็กไหลไว้ภายในโดยรอบ

เหล็กไหลบางประเภท ก็จะมีสิ่งห่อหุ้มที่เกิดขึ้นมาจากธรรมชาติ ปกป้อง หรือ เป็นที่หลบซ่อนฝังตัวของเหล็กไหล ไม่ให้ปรากฏเป็นที่สนใจของผู้ที่มีเจตนาที่ไม่ดีได้พบเห็น มีลักษณะแตกต่างกันไป บางอย่างก็นิ่มคล้ายขี้ผึ้ง แต่พอโดนอากาศภายนอกนาน ๆ ก็จะแข็งตัว บางอย่างคล้ายแก้วสี ขุ่น ๆ ห่อหุ้มตัวไว้ มากบ้างน้อยบ้างแล้วแต่เหตุปัจจัย


คุณสมบัติของผู้ครอบครองเหล็กไหล
เหล็กไหลจะอยู่กับผู้มีบุญเท่านั้น ผู้มีบุญในที่นี้หมายถึง ผู้ประพฤติชอบด้วย กาย วาจา ใจ ไม่คิดเบียดเบียนผู้อื่น ยึดมั่นในศีล 5พรหมวิหาร 4 ผู้ละแล้วเสียซึ่ง ความโลภ โกรธ หลง เหล็กไหลเมื่อมีความยินดีจะอยู่คุ้มครองให้กับผู้ใดก็จะอยู่ด้วยตลอดไป เว้นแต่ผู้นั้นจะมีจิตใจที่เปลี่ยนไปในทางอกุศล เหล็กไหลก็อาจหายไปทันที
ดังนั้นผู้ครอบครองเหล็กไหล จึงควรมีคุณสมบัติดังนี
1 บุญวาสนาและบารมี ที่ประกอบไปด้วยสัมมาทิฐิ เป็นคนดีมีศีลธรรม
2 มีความเชื่อมั่นและศรัทธาในธาตุกายสิทธิ์นี้
3 มีความปรารถนาอยากได้อย่างแรงกล้า


แท้จริงแล้วผู้ที่จะเกี่ยวข้องกับเหล็กไหล ซึ่งเป็นธาตุกายสิทธิ์ที่มีทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์แล้ว จะต้องมีบารมีรองรับพอเพียง มิฉะนั้นเหล็กไหลจะหนีกลับไปสู่เจ้าของเดิม หรือ ผู้ที่มีบารมีสูงพอ ดังนั้นถ้ามีเงินแต่ไม่มีคุณธรรม ก็อย่าหมายว่าจะซื้อได้

ท่านทั้งหลายได้ลองพิจารณาตนเองในส่วนนี้แล้วหรือยัง ในการที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหล็กไหล เพราะเหล็กไหลทุกประเภท ล้วนแต่ยอมอุทิศตนเพื่อเสริมสร้างบารมีธรรมให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปจนถึงมรรคผลนิพพาน จึงยอมอุทิศตนทั้ง ร่างกายคือธาตุขันธ์ และจิตวิญญาณ ในการสืบพระศาสนาให้มั่นคงสถาพรตราบนานเท่านาน


อาหารของเหล็กไหล

เนื่องจากผู้บำเพ็ญฌาณในระดับสูงและผู้สร้างเหล็กไหลในอดีต ล้วนแต่อาศัยตามเงื้อมผาและถ้ำคูหา เป็นที่บำเพ็ญพรตภาวนา มักจะถือศีล 8 กินพืชผักผลไม้เป็นอาหารหลัก อาหารเสริมพิเศษที่ทำให้เกิดกำลังก็คือ น้ำผึ้งป่า

ดังนั้นเหล็กไหลเกือบทุกประเภทก็ชมชอบที่จะเสพน้ำผึ้งเช่นกัน เพราะน้ำผึ้งเกิดจากความหวานของเกษรดอกไม้ต่าง ๆ ที่ผึ้งนำมาเก็บไว้ในรัง บางทีก็บินไปสร้างที่อยู่ใหม่ทิ้งรังเก่าไว้ตามคบไม้ หรือหน้าผา เมื่อเหล็กไหลมีจิตวิญญาณขององค์ฤาษีหรือเทพผู้สร้างสิงสถิตย์อยู่ จึงนิยมที่จะเสพน้ำผึ้งเช่นกัน


SpyLove.

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น